เจ้าหนี้สาวผูกคอดับสังเวย “ลูกหนี้หัวหมอ” ท้าให้ไปฟ้อง เบี้ยวไม่จ่ายกว่า 2 แสน หลังกู้ยืมจากญาติมาปล่อยกู้
อุทาหารณ์ เจ้าหนี้เงินกู้ผูกคอดับหลังถูกลูกหนี้แม่ค้ารับซื้อทุเรียนกู้แล้วไม่จ่าย แถมพูดจาหัวหมอถ้าให้ไปฟ้อง จนเจ้าหนี้คิดสั้นผูกคอดับสลด ขณะสามีและลูกชายนอนหลับอยู่ในห้อง เปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 โดยนางศศิณัฏฐ์ หรือ จอย เกิดสวัสดิ์ วัย 39 ปี เจ้าหนี้เงินกู้ได้ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองอย่างน่าเศร้า ด้วยการผูกคอภายในบ้านพัก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่เธอต้องเผชิญกับลูกหนี้หัวหมอไม่จ่ายเงินกู้ ซึ่ง “ลูกหนี้” รายหนึ่งที่ชื่อ “เตย” เบี้ยวชำระหนี้เงินกู้กว่า 2 แสนบาท ซึ่งเป็นเงินที่เธอกู้ยืมมาจากเพื่อนและญาติ นำมาลงทุน และกลัวว่าสามีจะทราบเรื่องทำให้เครียดมากจนต้องคิดสั้นผูกคอตาย
จากกรณ์ดังกล่าว น.ส.สุมาลี ทับแก้ว อายุ 47 ปี พี่สาวผู้เสียชีวิต เปิดเผยให้เป็นอุทาหรณ์กับทุกๆคน เพราะเห็นว่าของน้องสาวตนเป็นคนขยันขันแข็งทำมาหากินเลี้ยงครอบครัว และมีอัธยาศัยดี ที่ผ่านมาได้จักกับคนชื่อ “เตย” เป็นแม่ค้ารับซื้อทุเรียนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรเดียวกัน ในระยะแรก “เตย” ได้สร้างความน่าเชื่อถือด้วยการยืมเงินจำนวนน้อยและชำระคืนตรงเวลา ทำให้ “จอย” น้องสาวตนไว้วางใจ และเริ่มขยายวงเงินให้กู้ยืมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งเมื่อเงินทุนไม่เพียงพอ “จอย” ก็จะไปหยิบยืมจากเพื่อนฝูงและญาติสนิท โดยให้เหตุผลว่าจะนำไปปล่อยกู้ต่อเพื่อสร้างรายได้จากดอกเบี้ย
“อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เริ่มพลิกผันในช่วง 3-4 วันก่อนเกิดเหตุ “จอย” มีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด และได้เปิดใจกับตนซึ่งเป็นพี่สาวว่า ได้ปล่อยเงินกู้ให้ “เตย” ไปแล้วเกือบ 3 แสนบาท แต่ “เตย” กลับบ่ายเบี่ยงการชำระหนี้ โดยอ้างว่าเงินในบัญชีถูกอายัดและต้องการเงินเพิ่มอีก 1 หมื่นบาท โดยให้คำมั่นว่าจะคืนทั้งหมดในวันที่ 30 กันยายน แต่ว่าเพียงหนึ่งวันก่อนถึงกำหนดชำระ ในวันที่ 29 กันยายน “เตย” กลับโทรศัพท์มาแจ้งว่าจะไม่ขอคืนเงินและท้าทายให้ “จอย” ไปฟ้องร้องเอาเอง พร้อมกับเยาะเย้ยว่าจะแจ้งความกลับเรื่องการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด ได้สร้างแรงกดดันและก่อให้เกิดความเครียดอย่างมาก แก่นางศศิณัฏฐ์ หรือจอย น้องสาวตน”
น.ส.สุมาลี เล่าต่อว่า ตนพยายามปลอบประโลมและเสนอทางออกด้วยการจะพาพี่ชายไปเจรจากับ “เตย” เพื่อขอเงินต้นคืน แต่ปรากฎว่า ในช่วงเช้าของวันเกิดเหตุ นางศศิณัฏฐ์น้องสาวได้ส่งข้อความแชทมาหาด้วยถ้อยคำสุดท้ายว่า “ฝากดูแลหลานด้วย น้องเหนื่อยแล้ว” หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย ตนจึงรีบรุดเดินทางกลับมาที่บ้านพัก และเข้าตรวจสอบภายในบ้าน ก็ต้องพบกับภาพอันน่าสลดใจ เมื่อเห็นน้องสาวได้ใช้เชือกสีแดงผูกคอตัวเองเสียชีวิตอยู่ในห้องครัวด้านหลังบ้าน สร้างความตกตะลึงและโศกเศร้าแก่สามีและลูกชายที่เพิ่งกลับจากการทำงานและกำลังหลับพักผ่อนอยู่โดยไม่รู้ว่าเมียผูกคอตายแล้ว
ด้าน น.ส.จิราพร แก้วแหลมหญ้า อายุ 28 ปี หลานสาวผู้เสียชีวิต ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ “น้าจอย” เคยมาขอยืมเงินจากตนเพื่อนำไปปล่อยกู้ โดยไม่ได้บอกชื่อลูกหนี้ และยืนยันว่าลูกหนี้รายนี้จ่ายดอกเบี้ยตรงเวลาเสมอ จนกระทั่งวันที่ 28 กันยายน “น้าจอย” ได้แจ้งมาว่า “เตย” ลูกหนี้ได้หนีไปแล้ว เมื่อสืบประวัติจึงทราบว่า “เตย” มีประวัติอาชญากรรม เคยติดคุก และเป็นมิจฉาชีพสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นมาแล้วหลายราย “น้าจอย” หลงเชื่อในภาพลักษณ์ที่ดูดีในตอนแรก และยอมกู้ยืมเงินไปลงทุน เมื่อถูกโกงจึงเกิดความเครียดอย่างหนัก หวาดกลัวว่าจะไม่มีเงินไปชดใช้หนี้สินให้แก่เพื่อนและญาติ จึงตัดสินใจจบชีวิตลง
น.ส.จิราพร ได้ฝากเตือนไปถึงผู้ที่คิดจะปล่อยเงินกู้ให้ระมัดระวัง อย่าเห็นแก่ผลตอบแทนจากดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว เพราะเราไม่อาจล่วงรู้จิตใจของผู้ที่กู้ยืมได้ และได้สาปแช่งผู้ที่ทำการโกงผู้อื่น ให้ได้รับผลกรรมที่ตนได้ก่อไว้ การจากไปของนางศศิณัฏฐ์ครั้งนี้ ฝากเป็นอุทาหรณ์และระมัดระวัง เพื่อไม่ให้มีผู้เคราะห์ร้ายต้องสังเวยชีวิตด้วยปัญหานี้อีกในอนาคต



