ฐานชุมพร อาชญากรรม

ชุดปฏิบัติการพิเศษ”ฉลามขาว” ยึดพื้นที่เพิกถอนเอกสารสิทธิ์-บุกรุกป่าชายเลนกว่า 400 ไร่

ชุดปฏิบัติการพิเศษ “ฉลามขาว” สนธิกำลังตรวจยึดพื้นที่เพิกถอน นส.3 บุกรุกป่าชายเลนกว่า 400 ไร่ ยังถูกนายทุนนามสกุลดังยึดครองทำนากุ้งมานานกว่า 10 ปี  พบมีอีกมากเข้าข่ายออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 12 มิ.ย.61  ที่ห้องประชุมอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ตำบลหาดทรายรี อ.เมือง จ.ชุมพร นายนักรบ ณ ถลาง นายอำเภอเมืองชุมพร เป็นประธานการประชุมวางแผนปฏิบัติการตรวจยึดพื้นที่บุกรุกตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าชายเลนตามมติ ครม.วันที่ 15 ธ.ค.30 และวันที่ 22 ส.ค.43  โดยมี นายวิชัย สมรูป ผอ.สำนักงาบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งที่ 5  นายรัชชัย พรพา ผอ.ส่วนป้องกันและปราบปราม สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในฐานะหัวหน้าชุดฉลามขาว พร้อมกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษพญาเสือ กรมอุทยานแห่งชาติและพรรณพืช ชุดปฏิบัติการพิเศษพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ และหน่วยงานเกี่ยวข้องในพื้นที่

โดยที่ประชุมได้กำหนดเป้าหมายพื้นที่ตรวจยึดซึ่งเป็นบุกรุกป่าชายเลน 2 จุด จำนวน 415 ไร่ แยกเป็นพื้นที่เพิกถอนเอกสารสิทธิ นส.3ก. จำนวน 13 ฉบับ รวมพื้นที่ 275 ไร่ และพื้นที่บุกรุกไม่มีเอกสารสิทธิใดๆจำนวน 140 ไร่ ทั้ง 2 แปลง อยู่ในท้องที่หมู่ 4  บ้านดอนพลับ ตำบลหาดทรายรี อ.เมือง จ.ชุมพร  ผู้บุกรุกเป็นนายทุนใหญ่อาจจะเป็นเจ้าของเดียวกันทั้ง 2 แปลง  โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งกรมที่ดินเดินสำรวจออกเอกสารสิทธิ นส.3 ก. จำนวน 275 ไร่ เมื่อปี พ.ศ.2531 อยู่ในป่าชายเลนเขตอุทยานแห่งชาติ และต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเพิกถอนสิทธิการออกเอกสารสิทธิดังกล่าวโดยมิชอบและคดีถึงที่สุดมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2547  แต่ปัจจุบันยังมีผู้บุกรุกยึดครองที่ดินดังกล่าวอยู่เหมือนเดิม

หลังการประชุมกำหนดแผนปฏิบัติการกำลังเจ้าหน้าที่เกือบ 100 นาย ได้ออกตรวจยึดพื้นที่เป้าหมายจุดแรกอยู่ทางตอนใต้ของพื้นที่หมู่ 4  บ้านดอนพลับ ตำบลหาดทรายรี จำนวน 140 ไร่  ซึ่งอยู่ในป่าชายเลนมีนายทุนเข้าบุกรุกยึดครองทำสวนปาล์มน้ำมันและเลี้ยงสัตว์น้ำโดยไม่มีเอกสารสิทธิ์การครองครองใดๆ

 จุดที่ 2 อยู่ทางทิศเหนือซึ่งเป็นผืนป่าพื้นที่ติดต่อกับจุดแรก จากการตรวจสอบมีการติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้าและสายส่งไฟฟ้าจากถนนลาดยางไปตามทำถนนลูกรังเข้าไปในพื้นที่บุกรุกทำนากุ้งมีระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร พบบ้านพักคนงาน 2 หลัง มีร่องรอยการขนย้ายทรัพย์สินบางส่วนหลบหนีไปก่อนหน้านี้ได้ไม่นาน บริเวณพื้นที่บุกรุกมีการทำคันคูปิดกั้นน้ำไม่ให้ไหลขึ้นลงตามธรรมชาติและทำบ่อเลี้ยงกุ้งไว้จำนวนมาก ซึ่งพื้นที่แห่งนี้กรมที่ดินได้เพิกถอนเอกสารสิทธิ สน.3 ก.ออกโดยมิชอบ จำนวน 275 ไร่ คดีถึงที่สุดเมื่อปี 2547  แต่ปัจจุบันยังมีนายทุนครอบครองอยู่เหมือนเดิมแต่เป็นไปในลักษณะเปลี่ยนมือมาเป็นนอมินี และมีหลักฐานการเชื่อมโยงกันทั้ง 2 แปลง อาจจะเป็นผู้ครอบครองรายเดียวกัน

นายรัชชัย พรพา หัวหน้าชุดปฏิบัติการฉลามขาวกล่าวว่า การตรวจยึดพื้นที่ในวันนี้จุดแรกจำนวน 140 ไร่ เป็นพื้นที่บุกรุกยึดครองทำสวนปาล์มและเลี้ยงสัตว์น้ำซึ่งผู้ครองครองไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆ และจุดที่ 2 เป็นพื้นที่เพิกถอนเอกสารสิทธิ นส.3ก. จำนวน 275 ไร่ คดีถึงที่สุดแล้วตั้งแต่ปี 2547  แต่ยังมีผู้มาบุกรุกครองครองทำนากุ้งอยู่ซึ่งจากการตรวจสอบหลักฐานจากมิเตอร์ไฟฟ้าที่ต่อเข้ามาใช้ยังบ้านพักทั้ง 2 หลัง ที่สร้างมั่นคงถาวร ปรากฏว่าผู้ขอใช้มีนามสกุลดังซึ่งเป็นนามสกุลเดียวกับเจ้าของเดิมที่ครอบครองและถูกเพิกถอนเอกสารสิทธิไปแล้ว จึงอาจจะเป็นกรเปลี่ยนมือให้ญาติมาครอบครองแทนหรืออาจจะเป็นนอมินี ซึ่งจะต้องระบุชื่อไว้ในบันทึกตรวจยึดพื้นที่ด้วย เพื่อจะได้เรียกตัวมาสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นายรัชชัย กล่าวต่อว่าจากการตรวจสอบพื้นที่ข้างเคียงอีกจำนวนมากหลายร้อยไร่ซึ่งมีสภาพเป็นป่าชายเลนที่สมบูรณ์และบางแห่งถูกครอบครองทำนากุ้ง เบื้องต้นทราบว่าเจ้าของมีเอกสารสิทธิ นส. 3ก. ซึ่งจะต้องดำเนินการตรวจสอบต่อไปว่ากรมที่ดินมีการสำรวจออกเอกสารสิทธิดังกล่าวมาตั้งแต่เมื่อใด แต่จากการตรวจสอบหลักฐานภาพถ่ายดาวเทียมย้อนหลังไปถึงปี พ.ศ.2518 พบว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่มีร่องรอยการครอบครองทำประโยชน์ใดๆมาก่อนเลย แต่กลับมีการออกเอกสารสิทธิ์ได้อย่างไร ซึ่งจะต้องดำเนินการตรวจสอบเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ในการทวงคืนผืนป่ากลับมาเป็นสมบัติของชาติต่อไป.