ทั่วไป ร้องเรียน อาชญากรรม เกษตรกรรม สิ่งแวดล้อม

ชาวบ้านสู้ไม่ถอย

ชาวบ้าน ทหารผ่านศึก สู้ไม่ถอย ยังปักหลักนานกว่า 2 เดือน เรียกร้องรัฐบาลนำที่ดินสวนปาล์มหมดสัมปทานนาน 10 ปี เกียร์ว่างปล่อยให้กลุ่มบุคคลเข้าไปเก็บผลผลิตนับพันล้านบาทต่อปี นำมาจัดสรรให้คนจนไร้ที่ทำกิน ลงพื้นที่ตรวจสอบพบมีคนงานทิ้งปืนเถื่อนวิ่งหนี

วันที่ 1 มิถุนายน 2568 จากกรณีชาวบ้านและอดีตทหารผ่านศึกนับพันคน รวมตัวกันเรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานเกี่ยวข้อง นำสวนปาล์มน้ำมันกว่า 23,000 ไร่ ที่หมดสัมปทานมาตั้งแต่ปี 2558 ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่ารับร่อ-ป่าสลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ที่รัฐเกียร์ว่างปล่อยปละละเลยให้กลุ่มนายทุน กลุ่มอิทธิพล และนักการเมืองใหญ่บางคน ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐบางกลุ่ม นำแรงงานต่างด้าว เข้าไปเก็บผลผลิตปาล์มขายอย่างต่อเนื่องวันละ 500-1000 ตัน กอบโกยรายได้เดือนละมากกว่า 100 ล้านบาท ปีละนับ 1 พันล้านบาท ทั้งๆที่หมดสัญญาสัมปทานนานถึง 10 ปี รวมผลประโยชน์กว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยให้นำพื้นที่กลับมาบริหารจัดการ จัดสรรให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะและจัดเป็นที่ทำกินแก่ชาวบ้าน เกษตรกรผู้ยากจนและคนไร้ที่ดินทำกิน ตามข่าวที่เสนอมาต่อเนื่องนั้น
จากกรณีดังกล่าว ชาวบ้านและทหารผ่านศึก ยังคงปักหลักรวมตัวและผลัดเปลี่ยนเวรยามตลอด 24 ชั่วโมง วันละ 40-50 คน โดยใช้ศาลาอเนกประสงค์หมู่บ้าน หมู่ 13 ตำบลหงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ เป็นจุดศูนย์กลางการรวมตัวเพื่อออกตรวจตราดูแลพื้นที่สวนปาล์มหมดสัมปทานป้องกันไม่ให้นายทุน กลุ่มบุคคล ผู้มีอิทธิพลและนักการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ร่วมมือกันเป็นขบวนการใหญ่ ว่าจ้างแรงงานต่างด้าวเถื่อน เข้าไปลักลอบตัดปาล์มออกมาขายให้กับลานรับซื้อของโรงงานนายทุน
นอกจากนั้นศาลาอเนกประสงค์ดังกล่าวยังใช้เป็นที่นัดรวมตัวชาวบ้านทั้งหมด ได้มาร่วมทำกิจกรรม เรียกร้องให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง นำที่ดินสวนปาล์มหมดสัมปทานกว่า 2 หมื่นไร่ มาบริหารจัดการและจัดสรรที่ทำกินให้กับชาวบ้าน

นายประคอง จิตประสงค์ “ผู้ใหญ๋หยีต” ตัวแทนชาวบ้าน และนายคนึง เมืองทิพย์ “ผู้ใหญ่คนึง” ประธานเครื่อข่ายทหารผ่านศึก จ.ชุมพร ร่วมกันเปิดเผยว่า พวกเราต่อสู้กันมานานกว่า 2 เดือนแล้ว เพื่อเรียกร้องถึงกรณีดังกล่าว ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรัฐบาล เกียร์ว่างปล่อยปละละเลยมานานทั้งๆที่สวนปาล์มกว่า 2 หมื่นไร่แห่งนี้หมดสัมปทานมานานถึง 10 ปี แต่ยังไม่ดำเนินการใดๆให้เป็นรูปธรรมชัดเจน ปล่อยเป็นช่องว่างให้กลุ่มบุคคลเข้ามาเก็บเกี่ยวผลปาล์มขายมานานนับ 10 ปี กอบโกยผลประโยชน์ไปมหาศาล ขณะที่รัฐ ท้องถิ่นและจังหวัดไม่ได้อะไรเลย
ตัวแทนชาวบ้านและทหารผ่านศึก กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาพวกเราได้มีข้อตกลงร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่านไม้ ว่าจะร่วมมือกันตรวจสอบป้องกันไม่ให้กลุ่มบุคคลใดเข้าไปลักขโมยตัดผลปาล์มออกไปขายได้อีก  และพวกเราจะอยู่ปักหลักอยู่ที่นี่จนกว่าจะได้รับคำตอบที่ชัดเจนต่อหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ในการเข้ามาบริหารจัดการพื้นที่เพื่อนำมาจัดสรรให้ชาวบ้านตามนโยบายรัฐบาล
 เมื่อช่องเย็นวานที่ผ่านมา ขณะที่ชาวบ้านและทหารผ่านศึก ออกตรวจสอบพื้นที่ไปถึงใกล้ๆสำนักงานของบริษัเอกชนที่หมดสัมปทาน ได้สังเกตุเห็นมีบุคคลในละแวกนั้นกึ่งเดินกึ่งวิ่งหน้าตื่นออกไป และต่อมาพบว่ามีวัตถุลักษณะคล้ายอาวุธปืนยาวอยู่ในถุงเก็บปืนแบบกันน้ำสีเขียวอ่อน โยนทิ้งไว้ใกล้ๆลานเทรับซื้อปาล์ม จึงแจ้งตำรวจ สภ.สลุย มาตรวจสอบ ซึ่งพบว่าภายในถุงดังกล่าวเป็นปืนยาวไทยประดิษฐ์ ติดลำกล้องขนาด. 22 พร้อมเครื่องกระสุน 3 นัด ซึ่งเป็นปืนเถื่อนทำขึ้นเอง พนักงานสอบสวนได้ลงทึกแจ้งความ และตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานเพื่อติดตามหาเจ้าของมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปแล้ว.” ตัวแทนชาวบ้านกล่าว