เรื่องปืนชุมพรไม่แผ่ว
ข่าวเด่น

เรื่องปืนชุมพรไม่แผ่ว

เรื่องปืนชุมพรไม่แผ่ว หลังเมียกับเมียทะเลาะกัน ผัวกับผัวคว้าปืนยิงใส่กันเจ็บทั้งคู่ ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังเดินทางไปโรงพยาบาลลูกชายวัย 14 ปี คู่กรณีของอีกฝ่าย ใช้ปืน 357 ดักยิงรถพรุน แต่บอกยิงขู่ขึ้นฟ้านัดเดียว  

เมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 24 กรกฎาคม 68 ร.ต.ท.อรรถโกวิท สุงคาสิทธิ์ รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งเหตุยิงกัน บริเวณบ้านในง่วม ม.8 ต.บ้านนา อ.เมือง จ.ชุมพร มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.ปัญญา ท้วมศรี ผกก.สภงเมืองชุมพร พ.ต.ต.ปิยพล ฉัตรภูมิ สว.สืบสวน สภ.เมืองชุมพร และกำลังตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองชุมพร 

ที่เกิดเหตุพบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีขาว หมายเลขทะเบียน กท ….ชุมพร ป้ายประมูล จอดอยู่กลางถนนสายบ้านในง่วม ห่างจากถนนสายเพชรเกษม ชุมพร-ระนอง ประมาณ 8 กม. สภาพรถหันหน้าออกจากถนนในหมู่บ้านมุ่งไปทางถนนสายหลัก และพบว่าตัวรถด้านซ้าย ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด กระสุนเข้าบริเวณ ซุ้มล้อหน้า 1 รู ซุ้มล้อหลัง 1 รู ขอบกระจก 1 รู และกระจกด้านหลังของรถ ถูกยิงเข้าบริเวณมุมซ้ายด้านบน อีก 1 นัด กระจกแตกร้าวทั้งบาน 
สอบถามชาวบ้านในละแวกที่เกิดเหตุ ทราบว่าผู้บาดเจ็บ ถูกนำส่ง รพ.เอกชน 1 ราย ทราบชื่อคือนายนพดล มีเพียร อายุ 47 ปี บ้านอยู่ ม.10 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ส่วนผู้บาดเจ็บอีกราย ทราบชื่อภายหลังคือ นายเก่งกาจ นาคสังข์ อายุ 36 ปี บ้านอยู่ ม.8 ต.บ้านนา อ.เมือง จ.ชุมพร ถูกนำตัวส่ง รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ เจ้าหน้าที่จึงรุดไปตรวจที่ รพ.เอกชน ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสายเข้าเมือง พบ น.ส.กมลชนก มีเพียร อายุ 30 ปี บ้านอยู่ ม.9 ต.ตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร และ นายชญานนท์ ศิริปี อายุ 22 ปี บ้านอยู่ ม.1 ต.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร ซึ่งเป็นภรรยาและลูกน้อง ที่เป็นผู้นำ นายนพดล มาส่ง รพ. ซึ่งทราบว่า ถูกนายเก่งกาจ คู่กรณี ยิงเข้าบริเวณเหนือข้อเท้าซ้าย 1 นัด ซึ่งแพทย์กำลังนำตัวเข้าห้องผ่าตัดเพื่อทำการรักษาอยู่ 
นอกจากนี้ยังพบอาวุธปืนสั้น ขนาด .357 แบบลูกโม่ 1 กระบอก อยู่ในกระเป๋าแบบหูหิ้วสีฟ้า ซึ่งนายชญานนท์ เป็นผู้ถือไว้กับตัว เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจยึดไว้และตรวจสอบไม่พบลูกกระสุนหรือปลอกกระสุนในรังเพลิงแต่อย่างใด  ก่อนจะเชิญตัวทั้งสองพร้อมอาวุธปืน มาให้ปากคำที่ ศูนย์ปฏิบัติการชุดสืบสวน สภ.เมืองชุมพร

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางไปยัง รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ทราบว่า นายเก่งกาจ ถูกนายนพดล ยิงเข้าบริเวณเหนือข้อเท้าขวา 1 นัดเช่นกัน ซึ่งทางแพทย์กำลังทำการผ่าตัดทำแผลอยู่ พบเพียง นางบัญญัติ หรือไอร์ นาคสังข์ อายุ 38 ปี บ้านอยู่ ม.8 ต.บ้านนา อ.เมือง จ.ชุมพร ซึ่งเป็นภรรยาของนายเก่งกาจ พร้อมญาติ ยืนออกันอยู่หน้าห้องผ่าตัด ตำรวจจึงได้สอบถามอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ทราบว่าอยู่ในรถยนต์ เจ้าหน้าที่จึงได้ให้นางบัญญัติ นำไปเอาพบว่าเป็นอาวุธปืนพกสั้น แบบแมกกาซีน ขนาด 9 มม.จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะเชิญตัวมาสอบปากคำที่ศูนย์ปฏิบัติการชุดสืบสวน สภ.เมืองชุมพร 
เมื่อทั้งสองฝ่ายได้เดินทางมาถึง สภ.เมืองชุมพร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แยกสอบปากคำ โดยทาง น.ส.กมลชนก มีเพียร ภรรยา นายนพดล ให้การว่า ก่อนหน้า ตนพร้อมสามี มีปัญหากับนายเก่งกาจ นาคสังข์ ซึ่งเป็นคู่กรณี เรื่องข้อพิพาทเกี่ยวกับนายเก่งกาจ วางสิ่งกีดขวางไม่ให้ผ่านเข้าไปในสวนทุเรียนตนเองซึ่งอยู่ถัดเข้าไปด้านในของซอย และไม่ใช่ตนเองเท่านั้นที่เข้าออกซอยลำบาก ยังมีเพื่อนบ้านหลายคนก็ได้รับความเดือดร้อนด้วยเช่นกัน ซึ่งสามีตนก็ได้พยายามเข้าไปเจรจา ก็ไม่เป็นผล จนต้องไปพึ่งพาผู้นำหมู่บ้าน แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จึงต้องทนเก็บความอึดอัดใจไว้ 
น.ส.กมลชนก กล่าวต่อว่า ต่อมาวันนี้ 24 ก.ค. 68) ตนพร้อมลูกน้องไปตัดทุเรียนในสวนทุเรียน และ นายนพดล ได้ตามเข้าไปดูลูกน้องตัดทุเรียน เมื่อเวลา 13.30 น. จนตัดทุเรียนเสร็จในเวลาประมาณ 17.30 น. และขนทุเรียนที่ตัดมาคัดแยกบริเวณหน้าบ้านลุง ซึ่งอยู่ห่างจากสวนไม่มากนัก ไม่นานนายเก่งกาจ ได้ขับรถ จยย.เวฟ ฮอนด้า สีแดง ไม่ทะเบียน ขับมา โดยมี น.ส.ไอร์ หรือนางบัญญัติ ภรรยา ซ้อนท้ายรถมาด้วย ผ่านจุดที่ตนกำลังคัดทุเรียนอยู่หน้าบ้านลุง มุ่งหน้าไปทางเข้าสวนของนายเก่งกาจเอง 
หลังจากนั้นผ่านไปประมาณ 3 นาที นายเก่งกาจ ได้ขับรถกลับออกมาทางเดิม เมื่อขับผ่านเลยจุดที่ตนเองกำลังคัดทุเรียนอยู่ น.ส.ไอร์ ได้ตะโกนด่ามาและตนก็ได้ด่ากลับ และนายเก่งกาจ ได้จอดรถเลยไปจากหน้าบ้านไป ประมาณ 20 เมตร และน.ส.ไอร์ ได้ตะโกนยั่วยุพร้อมให้ตนเดินออกไปหาแบบท้าทาย ซึ่งตนก็เดินออกไปอยู่บริเวณหน้ารถยนต์ที่กำลังคัดทุเรียนขึ้นรถ และก็เริ่มด่ากันหนักขึ้น จนนายนพดล สามี ได้เดินตามออกมา และนายเก่งกาจ ก็ชักอาวุธปืนยิงเข้าใส่ นายนพดล สามี จึงได้ใช้อาวุธปืนสั้น ที่พกไว้ ยิงสวนกลับไปใส่ต่างฝ่ายก็ระดมยิงกันจำนวนหลายนัด 

น.ส.กมลชนก กล่าวต่อว่า จากนั้นนายเก่งกาจ ได้ขับรถ จยย.ออกไปจากจุดเกิดเหตุ ซึ่งพบว่า นายนพดล สามีโดนยิงได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าซ้าย และกระสุนถากบริเวณสีข้างซ้าย ตนเองและลูกน้องได้นำนายนพดลฯ ขึ้นรถยนต์ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์สีขาว ทะเบียนชุมพร เพื่อจะนำส่งไปยังโรงพยาบาสล ซึ่งขณะกำลังขับรถผ่านสวนทุเรียนของตาธน ซึ่งมีกลุ่มคนกำลังคัดทุเรียนอยู่หน้าสวนได้มี เด็กชายใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวคล้ายเสื้อนักเรียน ยิงปืนใส่มาที่รถของตน และทำให้รถดับและสตาร์ทไม่ติด ทุกคนเลยเปิดประตูวิ่งหนี ไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน 
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำ นางบัญญัติ หรือ ไอร์  ซึ่งให้การว่า ตนเองเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ยิงกันในครั้งนี้ โดยก่อนเกิดเหตุตนและสามี คือนายเก่งกาจ ได้ขับ รถ จยย.เข้าไปดูสวนปาล์ม และเมื่อมาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุ น.ส.กมลชนก หรือกิ๊ฟ และนายนพดล หรือชิตหรือฮิต พร้อมคนงาน 3-4 คน กำลังนำทุเรียนขึ้นรถ จากนั้น น.ส.กิ๊ฟ  มองหน้าตน และตนได้มองหน้ากลับ ต่อมาตนได้บอกให้สามีจอดรถ จยย.จึงมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันขึ้นกับ น.ส.กิ๊ฟ มีการท้าทายและด่าทอกันกลางถนน โต้เถียงกันไปกันมา จากนั้นนายชิต สามี ได้นำอาวุธปืน ยิงใส่ตนและสามี ประมาณ 5-6 นัด จนต้องกระโดดหลบลงริมทางมีโพรงหญ้าคาบัง และได้ใช้อาวุธปืนที่พกติดตัวมา ยิงสวนกลับไปเพื่อป้องกันตัว 
นางบัญญัติ หรือ ไอร์ กล่าวว่าหลังจากเสียงปืนสงบ สามีได้บอกว่า ถูกยิงที่ขาแล้ว ตนพร้อมสามี ได้ยกรถ จยย.ที่ล้ม ขึ้นขับหลบหนี ซึ่งตนยังได้ยินเสียงตามหลังมาว่าให้ยิงซ้ำเลย จำนวน 2 ครั้ง จากนั้นสามีและตนได้ขับมาและญาติ ขับรถยนต์นำตัวสามีส่งโรงพยาบาลชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ซึ่งตนเชื่อว่าสาเหตุมาจาก น.ส.กิ๊ฟ โกรธเคือง กรณีที่ตนนำไม้ไปปักกั้นในพื้นที่สวนตน ก็เท่านั้น ส่วนเรื่องที่มีเด็กนักเรียน ยิงใส่นั้น แต่ถ้าเป็นลูกชายตนๆก็พร้อมจะนำมามอบตัว

ต่อมา นางบัญญัติ ก็ได้เดินทางกลับไปที่บ้าน ก่อนกลับมาอีกครั้ง พร้อมนำตัวลูกชาย อายุ 14 ปี นักเรียน ม.2 ของ รร.แห่งหนึ่ง มาพบ พ.ต.อ.ปัญญา ท้วมศรี ผกก.สภ.เมืองชุมพร ได้สอบถามในเบื้องต้น โดยมี นางบัญญัติ และ ญาติ ร่วมฟังในข้อซักถาม และลูกชายได้บอกเพียงว่า ตนเองรู้ว่า คู่กรณีของพ่อจะยิงก็เลยไปเอาอาวุธปืนของญาติ ซึ่งเป็นอาวุธปืน ขนาด .357 มายิง แต่เป็นการยิงขึ้นฟ้า 1 นัดเท่านั้น เพื่อขู่เพราะกลัวว่าจะยิงพวกตน ส่วนที่รถเป็นรูกระสุนจนพรุนนั้นไม่รู้ เพราะยืนยันยิงนัดเดียวเท่านั้น
เจ้าหน้าที่จึงได้ให้ทางตำรวจพิสูจน์หลักฐาน มาเก็บเขม่าดินปืนที่นิ้วมือ ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ยิง เจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปยังบ้านของปู่ ก็พบว่าอาวุธปืนถูกเก็บซ่อนไว้ใต้หมอนในห้องนอนของบ้านญาติ โดยอาวุธปืนระบุชื่อ มีนายสัญญา อายุ 48 ปี บ้านอยู่ ม.8 ต.บ้านนา อ.เมือง จ.ชุมพร เป็นผู้ครอบครอง และจากการตรวจยึด ที่พบครั้งแรกโดยไม่พบกระสุนหรือปลอกกระสุนแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จึงรอสอบปากคำเพิ่มเติมกับผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งสองคน และจะนำสหวิชาชีพ มาร่วมสอบปากคำ ด.ช.กบ อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ พร้อมจะลงพื้นที่เก็บรวบรวมพยานหลักฐานรอบด้าน ก่อนจะแจ้งข้อกล่าวหากับผู้กระทำผิด ส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.