อดีตทหารยิงผัวเมียมอบตัว
ข่าวเด่น

อดีตทหารยิงผัวเมียมอบตัว

จับแล้วอดีตทหารวัย 67 ปี ยิงสองผัวเมียข้างห้องแถว ดับ1 เจ็บ 1 สารภาพสุดทนติดเครื่องรถเหม็นควัน หลังก่อเหตุหนีซุกดงกล้วย สุดท้ายถูกตำรวจกดดันหนักยอมมอบตัว

จากกรณีเมื่อเช้าวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายสฤษดิ์ หรือโอ๋ อิศรางกูร ณ อยุธยา อายุ 67 ปี อดีตข้าราชการทหารอากาศวัยเกษียณ ได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยาวขนาด .22 ยิงนางสาวจิราวรรณ สืบสาย อายุ 54 ปีเสียชีวิต และนายสุรพจน์ พัฒนวิเชียร อายุ 53 ปี บาดเจ็บ สองผัวเมียเช่าบ้านห้องแถวเดียวกันกับผู้ก่อเหตุ หลังจากระหกระแหงมีปากเสียงกันมานานเรื่องจอดรถติดเครื่องนานมีกลิ่นควันเหม็นและเรื่องอื่นๆตามประสาคนมีปัญหากัน จนก่อเหตุดังกล่าวตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

วันที่ 22 มิ.ย.68 ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.ต.สมคะเน โพธิ์ศรี ผบก.ภ.จว.ชุมพร พ.ต.อ.ธงชัย  นุ้ยเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร  พ.ต.อ.ปัญญา ท้วมศรี ผกก.สภ.เมืองชุมพร พ.ต.ต.ปิยพล ฉัตรภูมิ สว.สส.สภ.เมืองชุมพร พ.ต.อ.ศุภณัฐ รัตนภิรมย์ ผกก.สืบสวน ภ.จว.ชุมพร ,ร.ต.อ.วิมล แก้วชู รอง สว.(ป.) ส.ทล.4 ชุมพร ได้ร่วมกันจับกุมตัว  นายสฤษดิ์ หรือโอ๋ อิศรางกูร ณ อยุธยา อายุ 67 ปี บ้านเลขที่ 142 ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี  ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดชุมพร ที่ 196/2568  ลงวันที่ 20 มิถุนายน 2568  ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “พยามยามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และมีอาวุธปืน เครื่องกระสุน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน” ต่อมาทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติมข้อหาอีกเป็น ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ด้วยเนื่องจากนางสาวจิราวรรณ สืบสาย อายุ 54 ปี ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา
โดยสืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันสืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหาดังกล่าวได้หลบหนีเข้าไปซุกซ่อนอยู่บริเวณบนเขาหลังร้านคุณสาหร่าย ม.8 ต.ท่าข้าม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร จากนั้นจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบจึงได้ร่วมกับวางแผนเพื่อเข้าทำการจับกุม ค้นหา และกดดันผู้ต้องหาตามหมายจับอย่างหนักและได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.8 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.จว.ชุมพร รวมทั้งได้ตั้งจุดสกัดกั้นไว้ตลอดทาง 
จนกระทั้งเวลา 07.00 น.วันที่ 22 มิ.ย. 68 ผู้ห้องหาตามหมายจับข้างต้นได้ทนการกดดันไม่ไหว จึงได้มามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมที่ ภายในบริเวณร้านคุณสาหร่าย ม.8 ต.ท่าข้าม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ซึ่งเป็นที่ทำงานเก่า สอบถามข้อมูลเบื้องต้นพบว่า นายสฤษดิ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับ และผู้ถูกจับยอมรับว่าตนเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าวข้างต้นจริง จากนั้นได้ควบคุมตัวผู้ถูกจับมาจัดทำบันทึกการจับกุมที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร

นายสฤษดิ์ฯ ผู้ต้องหารับสารภาพว่าที่ก่อเหตุเพราะตนเองถูกด่า 3 วันติดกัน เนื่องจากไม่ถูกกันตั้งแต่ตนเองย้ายเข้ามาอยู่ที่ห้องเช่าเนื่องจากคู่กรณีชอบติดเครื่องรถยนต์ทิ้งไว้เป็นเวลานานและหันท้ายรถมาทางห้องของตน ทำให้มีกลิ่นควันรถเหม็น ตนเคยบอกเตือนดีๆตลอดว่าติดเครื่องแล้วให้ไปเลยได้ไหม คู่กรณีบอกไม่ได้ต้องอุ่นเครื่องไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง และยังมีเรื่องอื่นๆตามมาอีกหลายเรื่องจากการมีปัญหากัน
ตอนเช้าก่อนเกิดเหตุตนกำลังจัดเตรียม ผลไม้ ทุเรียน มังคุด สะตอ เพื่อเตรียมจะเดินทางไปเยี่ยมลูก ขณะตนปัดกวาดห้องอยู่นั้นคู่กรณีที่เป็นผู้ชายเดินเข้ามาหาโดยพูดว่าเขาเป็นคนชุมพร ญาติเป็นคนชุมพรทั้งนั้น อย่ามากร่างอะไรแถวนี้ แล้วยังพูดเย้ยไปถึงที่ทำงานเก่าอีกเรื่องตนถูกให้ออกจากงาน ทำให้ตนฉุนเดินไปหยิบปืนในห้องยิงเข้าไปยิงผู้ชายที่เป็นผัวก่อน 1 นัด หลังจากนั้นคนเป็นเมียออกมาจากห้องพูดว่า “ยิงผัวเขาทำไม ยิงแบบนี้ยิง…(อวัยวะ)…แม่ดีกว่า” ทำให้ตนโมโหยิงไปที่คนเป็นเมีย 1 นัด 
ผู้ต้องหา เล่าอีกว่าหลังก่อเหตุขับรถยนต์กระบะหนีไปวนไปเรื่อยไม่รู้จะไปไหน กลับไปที่ร้านอาหารที่ตนเคยทำงานอยู่ริมถนนเพชรเกษม ตำบลท่าข้าม อ.ท่าแซะ โดยวอนให้ลูกน้องเก่าขับรถไปส่งที่ด่านตาชั่งเพื่อจะหลบหนีไปกรุงเทพฯ พอไปถึงจึงเปลี่ยนใจเพราะกลัวถูกจับ คิดว่าจะไปอาศัยอยู่กับเพื่อนที่อำเภอหลังสวนระหว่างรอเดินทางหลบอยู่ในดงกล้วยของชาวบ้านชั่วคราว ขณะนั้นเกิดฝนตกตลอดจึงเอากระสอบปุ๋ยพันลำตัวนอนกันหนาวกันยุ่งได้ซึ่งเป็นยุทธวิธีสมัยเป็นทหารที่ได้รับการฝึกมา
ต่อมาออกจากป่ากล้วยเดินลัดเลาะเข้าทางสวนส้มโอริมเขาลงมาขอข้าวกินแต่ไม่ทันได้กินอะไร ได้เจอลูกน้องเก่าเห็นหน้าตนวิ่งหนีไม่คุยด้วยคิดว่าต้องไปแจ้งตำรวจแน่ จึงหนีขึ้นเขาอีกครั้ง แต่ตอนนี้ไม่มีกระสอบไว้คลุมตัว พร้อมกับถูกกดดันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เลยตัดสินใจเดินลงจากเขาตอนตี 3 มาที่ร้านอาหารที่เคยทำงาน ขณะที่เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ บอกให้มอบตัวเพราะหนีไปก็ไม่รอดจึงมอบตัว รับว่าที่ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ” ผู้ต้องหากล่าว.