พม่าสองผัวเมียขับจักรยานยนต์พ่วงข้างชนท้ายรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ ดับทั้งคู่ส่วนลูกชายสาหัส
เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 20 ต.ค.61 ร.ต.อ.สวัสดิ์ คงแก้ว รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บบริเวณถนนเพชรเกษม หมู่ 9 ตำบลวังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย หน่วยกู้ภัยสายชลมูลนิธิชุมพร หน่วยกู้ชีพเทศบาลตำบลวังไผ่
ที่เกิดเหตุถนนเพชรเกษมช่องทางขาล่องใต้ใกล้กับทางเข้าศูนย์ควบคุมโรคติดต่อนำโดยแมลงที่ 11.4 ฝั่งตรงข้ามช่องทางขาขึ้นเป็นย่านชุมชนมีร้านค้าและอู่ซ่อมรถยนต์ พบรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ ฮีโน่ ทะเบียนหน้า 70-2337 ชุมพร ทะเบียนพ่วง 70-2338 ชุมพร จอดอยู่ชิดไหล่ทางขอบถนนนอกเส้นขาว มีรถจักรยานยนต์พ่วงข้างฮอนด้า เวฟ 125 สีเขียวทะเบียน กยง 111 นครปฐม สภาพพุ่งชนท้ายรถบรรทุกพ่วงอย่างจังจนพังยับเยินมีหมวกนิรภัยหล่นอยู่บนถนน ใกล้รถจักรยานยนต์พ่วงข้างมีผู้เสียชีวิตทราบจากบัตรประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าวชื่อ Mr.Phoe Kyaw Ku Jo อายุ 43 ปี สัญชาติเมียนมา ระบุที่ทำงานและพักอาศัยอยู่เลขที่ 116/61 ตำบลท่าตะเภา อ.เมือง จ.ชุมพร และอีกศพนอนตายอยู่บนพ่วงข้างของรถจักรยานยนต์ ทราบชื่อ MRS.San Myint Ngac อายุ 41 ปี สัญชาติเมียนมา ทำงานและพักอาศัยอยู่ที่เดียวกัน ทั้งสองศพคอหักกะโหลกร้าวเลือดไหลนองพื้น นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บสาหัสอีก 1 คน ไม่ทราบชื่อเป็นเพศชายอายุประมาณ 14 ปี คาดว่าทั้ง 3 คน น่าจะเป็นพ่อแม่ลูกกัน จุดเกิดเหตุไม่พบร่องรอยการเบรกแต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่สอบสวน นายชยพัทธ์ สุริยนพศักดิ์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78/8 ซอยประชานุกูล 1 ถนนประชานุกูล แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร คนขับรถยืนรออยู่ที่เกิดเหตุให้การว่า ตนขับรถบรรทุกพ่วงมาจากกรุงเทพมหานคร จะไปส่งสินค้าที่ จ.ภูเก็ต ถึงที่เกิดเหตุได้จอดรถที่ไหล่ทางนอกเส้นขาวไม่ล้ำออกมาบนถนนแต่อย่างใด จากนั้นตนได้ข้ามถนนไปอีกฝั่งเพื่อเอาเอกสารใบส่งสินค้าไปลงบันทึกที่ร้านศรีสวัสดิ์ที่เป็นเถ้าแก่ ต่อมาประมาณ 20 นาทีได้ยินเสียงดังโครมอย่างรุนแรงเมื่อตนวิ่งออกมาดูเห็นรถจักรยานยนต์พ่วงข้างชนท้ายรถบรรทุกพ่วงที่ตนจอดอยู่มีผู้เสียชีวิและบาดเจ็บดังกล่าว
จากากรสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าผู้ตายสองผัวเมียชาวเมียนและลูกชายที่บาดเจ็บสาหัสมาเข้ามาทำงานอยู่ในเขตเทศบาลเมืองชุมพร ช่วงเลิกงานตอนเย็นหรือวันหยุดจะขับรถซาเล้งพ่วงข้างตระเวนเก็บขยะรีไซเคิลและของเก่าขายอยู่เป็นประจำจนเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาแก่ชาวบ้านทั่วไป ช่วงเกิดเหตุรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อจอดอยู่ไหล่ทางซึ่งริมถนนบริเวณดังกล่าวจะเป็นป่าทึบและเป็นเงาดำอาจจะทำให้คนขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างมองไม่เห็นจนเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวขึ้น อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้รวบรวมพยานหลักฐานและตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป.