ฐานชุมพร เกษตรกรรม สิ่งแวดล้อม

ชุมพรปลูกองุ่นไร้เมล็ดผลดกดีเกินคาดได้ราคางาม

————————————————————————————

คุณลุงวัย 70 ปี ชาวชุมพรทิ้งสวนปาล์มราคาตกต่ำหันมาปลูกองุ่นไร้เมล็ดประสบความสำเร็จเกินคาดผลผลิตดีราคางาม ชาวบ้านแห่ไปชมกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปโดยปริยาย

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พบกับ นายอำไพ ทิพย์บัณฑิต อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 หมู่ 5 ตำบลท่าแซะ จ.ชุมพร ได้พลิกวิกฤตปาล์มน้ำมันราคาตกต่ำหันมาปลูกต้นองุ่นไร้เมล็ดเป็นอาชีพเสริมจนประสบความสำเร็จ ต้นองุ่นช่อออกตกผลผลิตจำนวนมากจนมีชาวบ้านแห่ไปชมการปลูกองุ่นแห่งแรกของจังหวัดชุมพร จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปโดยปริยาย

สวนองุ่นไร้เมล็ดของ”ลุงอำไพ” อยู่ห่างจากโรงเรียนประชานิคม 4 ประมาณ 400 เมตร อยู่ริมถนนลูกรังเป็นสวนองุ่นที่ปลูกอยู่ภายในโรงเรือนขนาดกว้าง 6 เมตร ยาว 50 เมตร จำนวน 2 โรงเรือนติดกัน คลุมด้วยพลาสติกใส รอบโรงเรือนกั้นด้วยตาข่ายอวนดำ โดยมีคุณลุงอำไพกำลังในความรู้กับเด็กนักเรียน คุณครู และชาวบ้าน ที่มาศึกษาหาความรู้การปลูกองุ่นไร้เมล็ด

คุณลุงอำไพเปิดเผยว่าตนเองมีที่ดินกว่า 40 ไร่ และปลูกปาล์มน้ำมันประมาณ 30 ไร่ ส่วนที่เหลือได้ปลูกพืชผักตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงใช้ทำเป็นอาหารในครัวเรือน พร้อมกับจัดสรรพื้นที่เลี้ยงไก่ไข่อีกกว่า 50 ตัว แต่ด้วยปาล์มน้ำมันซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจของภาคใต้ประสบภาวะราคาตกต่ำราคาไม่แน่นอน จึงได้ปรึกษากันกับคนในครอบครัวว่า เราต้องหาอาชีพเสริมทำไม่งั้นเราจะลำบาก ซึ่งมีลูกๆบอกว่าลองปลูกองุ่นไร้เมล็ดกันดูเพราะยังไม่มีเกษตรกรคนใดปลูกในจังหวัดชุมพร

ลุงอำไพกล่าวว่าตนพร้อมลูกชายจึงได้ชวนกันไปอบรมที่สวนหลวงปางดะ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งปลูกองุ่นสายพันธุ์ดี หลังจากที่อบรมเสร็จ 3 วัน จึงได้แวะซื้อพันธุ์องุ่นแบล็คโอปอลสายพันธุ์ออสเตรเลียลักษณะผลทรงกลมรียาวสีแดงอมม่วงเปลือกผลไม่มีรสฝาด ผิวบางไม่แตกง่ายเนื้อแน่นรสหวานกรอบติดผลดกเป็นพวงแน่น และพันธุ์บิวตี้ซีดเลส สายพันธุ์อเมริกา ลักษณะผลทรงกลมสีดำผลมีขนาดเล็กกว่า ทั้งสองสายพันธุ์ไร้เมล็ด ทดลองซื้อมาสายพันธุ์ละ 14 ต้น ก่อนจะนำมาปลูกในโรงเรือนที่เตรียมไว้ ตั้งแต่ 1 ปีที่ผ่านมา จนกระทั่งมาถึงวันนี้ผ่านไป 1 ปี สิ่งที่ตั้งหวังใจไว้ก็ปรากฏให้เห็นชัดเจนว่าพื้นที่ภาคใต้ของจังหวัดชุมพร ถึงแม้จะมีอากาศร้อนมากแต่ก็มีฝนตกชุก สามารถปลูกองุ่นได้ไม่แพ้ทางภาคเหนือเลยทีเดียว

ลุงอำไพกล่าวต่อว่าการปลูกองุ่นไร้เมล็ดใน จ.ชุมพรถือเป็นการนำร่อง เพราะตอนแรกไม่มั่นใจว่ามันจะปลูกให้ออกผลผลิตได้เพราะ จ.ชุมพรมี 2 ฤดู คือฤดูร้อนกับฤดูฝนเท่านั้นไม่มีหน้าหนาว แต่สามารถปลูกองุ่นประสบผลสำเร็จติดผลผลิตดีอีกด้วย ตนรู้สึกดีใจตอนนี้กำลังขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มอีก 3 โรงเรือน มีทั้งแปลงโชว์ แปลงสาธิต และแปลงเก็บเกี่ยวผลผลิต และจะปลูกต่างสายพันธุ์กัน เพื่อจะทำสถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดชุมพรอีกแห่งหนึ่งด้วย  ส่วนใครที่ต้องการมีศึกษาดูงานและต้องการจะนำองค์ความรู้ที่ได้ไปๆทดลองปลูกดูตนก็จะถ่ายทอดในสิ่งที่รู้ให้ แต่สิ่งที่สำคัญในการปลูกพืชแต่ละชนิดนั้นขั้นตอนแรกให้นำดินไปตรวจสอบเพื่อหาค่าของดินว่าขาดสารอาหารชนิดใด แล้วนำสิ่งที่ขาดมาใส่เติมเพื่อปรับปรุงสภาพดินให้เหมาะกับพืชนั้นๆ จากนั้นก็จะเป็นขั้นตอนวิธีการรักษาดูแล

ลุงอำไพกล่าวต่อว่าหลังจากที่ปลูกได้ 7- 8 เดือน องุ่นก็เริ่มจะออกดอกผลจากนั้นอีกราว 4 เดือนก็เก็บผลได้ และช่วงที่ออกช่อผลก็ต้องคัดตัดผลออกทิ้งบ้างเพื่อไม้ให้แน่นมาก เพื่อให้ช่อหลวมๆผลที่เหลือจะได้โตใหญ่และสมบูรณ์ มีราคาตามตลาดต้องการ ส่วนผลผลิตที่ออกสู่ตลาดได้ตั้งราคาขายไว้กิโลกรัมละ 200 บาท เพราะองุ่นที่ปลูกปลอดจากสารพิษ สารเคมี เป็นองุ่นที่ปลอดสารพิษ 100% และตามมาตรฐาน  GPA ของระบบการผลิตที่ถูกต้องในฟาร์มองุ่นแห่งนี้ โดยพิจารณาตั้งแต่พื้นที่การปลูก การดูแลรักษา การเก็บเกี่ยว และการจัดการหลังเก็บเกี่ยว เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพมีลักษณะตรงตามความต้องการและมีความปลอดภัยต่อการบริโภค

นางสาวศรัณยา กาเลี่ยง นายพีระภัทร์ บุญสงค์ ครูโรงเรียนราษฎร์ประชานุเคราะห์ 20  ได้ชวนเพื่อนๆมาศึกษาดูงานหลังจากที่ได้รู้ว่าคุณลุงปลูกองุ่นได้ผลผลิตดีไม่แพ้ทางภาคเหนือ แทบไม่เชื่อว่าภาคใต้ของเราที่มีฝนตกหนักตลอดและร้อนจัดจะสามารถปลูกองุ่นให้ออกดอกออกผลได้ และเมื่อเป็นไปได้สวนองุ่นแห่งนี้นอกจากจะเป็นแหล่งเรียนรู้แล้วยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกด้วย.

————————————————————————————